
มะตูม เป็นไม้ผลยืนต้นพื้นเมืองในพื้นที่ป่าดิบ มักเติบโตอยู่ในบริเวณบนเนินเขา ที่ราบในอินเดียตอนกลางและตอนใต้ และยังมีในพม่า ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล เวียดนาม ลาว และกัมพูชา มีการนำมาเพาะปลูกทั่วไปในอินเดีย รวมทั้งในศรีลังกา แหลมมลายูตอนเหนือ เกาะชวา และฟิลิปปินส์ จัดเป็นพืชเพียงสปีชีส์เดียวที่อยู่ในจีนัส Aegle
ลำต้นของ มะตูม มีความสูงประมาณ 18 เมตร มีหนามแหลมอยู่ทั่วไป ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอกมี 3 ใบ หากมองดูก็จะคล้ายกับตรีศูลของพระศิวะ ดอกมีสีขาวหรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกแข็งเรียบ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-15 เซนติเมตร บางผลมีเปลือกแข็งมากจนต้องกระเทาะเปลือกออกโดยใช้ค้อนทุบ เนื้อผลมีลักษณะเหนียวข้น มีกลิ่นหอม และมีเมล็ดจำนวนมากแทรกอยู่ในเนื้อผล
โดยเมล็ดจะมีขนหนาปกคลุม
ผลของ มะตูม ใช้รับประทานได้ทั้ง สด และแห้ง น้ำจากผลมะตูมเมื่อนำไปกรอง และเติมน้ำตาลเข้าไป จะได้เครื่องดื่มที่คล้ายน้ำมะนาว และยังสามารถใช้ในการทำ Sharbat ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้จากการนำเอาเนื้อของผลมะตูมผสมกับมะขาม ผลอ่อนนำมาฝานแล้วตากแห้งนำไปต้มกับน้ำเป็นน้ำมะตูม นำมายำ ใบอ่อนและยอดอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสลัด กินกับน้ำพริก ลาบ หรือข้าวยำก็ได้ ผลที่แก่แต่เปลือกยังนิ่มอยู่นำมาฝานแล้วทำเป็นมะตูมเชื่อม และยังสามารถนำไปเป็นส่วนผสมของขนมอื่นอีกหลยอย่าง มะตูมสุกที่เนื้อเละใช้รับประทานเป็นผลไม้ได้ และใช้เป็นยารักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้ ตาแห้งไข้หวัดธรรมดา และยังใช้รักษาอาการท้องผูกเรื้อรังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ในวัฒนธรรมไทย ถือว่ามะตูมเป็นไม้มงคล นิยมปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน ในศาสนาฮินดู ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะ ดังนั้น มักจะพบต้นมะตูมได้ทั่วไปในสวนของวิหารในประเทศอินเดีย และใบมะตูมยังเป็นส่วนประกอบของพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ หรือครอบครู อีกด้วย
ต้นมะตูมยังเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดชัยนาท ผู้ที่ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงหรืองานสมรสพระราชทานจะได้รับพระราชทานใบมะตูมเพื่อเป็นสิริมงคล

น้ําผลไม้ที่แนะนำ
- น้ำมะตูม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น