วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โกโก้

          โกโก้ (cocoa,Chocolate Tree, Cacao ) เป็นพืชขนาดเล็ก สูง 3-10 ม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Theobroma cocoa L.อยู่ในวงศ์ Sterculiaceae ผลโกโก้เป็น รูปไข่ ขนาดใหญ่ ยาว 20-25 ซม. กว้าง 10 ซม. ผลฉ่ำน้ำ แห้งแล้วไม่แตก ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อเป็นวัตถุดิบในการแปรรูป คือ เมล็ดในผล (cocoa bean) ซึ่งนำมาผ่านกระบวนการแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์เช่น โกโก้ผง (cocoa powder) เนยโกโก้ (cocoa butter) เนื้อโกโก้ (cocoa mass) ช๊อกโกแลต (chocolate) เป็นต้น โกโก้ เป็นแหล่งสำคัญของพอลิฟีนอล (polyphenol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
          เมล็ดโกโก้ เป็นส่วนของผลโกโก้ซึ่งแก่จัด ที่นำมาใช้ประโยชน์ เม็กโกโก้จะเรียงเป็นแถว 5 แถว รอบแกนกลางผล มีเนื้อนุ่มสีขาวออกเหลือง ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาล จำนวนหลายเมล็ด รูปรี ยาว 2-2.5 ซม. กว้าง 1.2-1.5 ซม.เมล็ดโกโก้ เมื่อแยกออกจากผล จะทำการแปรรูปเบื้องต้น ดังนี้
          การหมัก (fermentation หรืออาจเรียกว่า curing) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แยกส่วนที่เป็นเนื้อออกและช่วยให้การทำแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้การหมักโกโก้ ยังมีผลสำคัญมากต่อ สี กลิ่นรสของโกโก้ และช๊อกโกแลตโดยทั่วไปจะใช้เวลาการหมักประมาณ 5-8 วัน การหมักจะทำแบบง่ายๆ ในลังไม้ ในตะกร้า การหมักโกโก้จะใช้จุลินทรีย์จากธรรมชาติ เช่น แบคทีเรีย ในกลุ่ม lactic acid bacteria , acetic acid bacteria และ

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำมะม่วงปั่น

 ส่วนผสม
   เนื้อมะม่วงดิบ 100 กรัม (ควรมีรสเปรี้ยวไม่มาก)
   น้ำต้มสุก 200 กรัม
   น้ำเชื่อม 30 กรัม
   เกลือ 1 กรัม

 วิธีทำ
               นำมะม่วงดิบมาปอกเปลือก (ควรมีรสเปรี้ยวไม่มาก) ล้างน้ำให้สะอาด สับมะม่วงเป็นเส้นเล็กๆ ปั่นให้ละเอียด เติมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม และเกลือ ชิมรสตามชอบ

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำมะม่วงคั้น

ส่วนผสม
   เนื้อมะม่วงดิบ 100 กรัม (ควรมีรสเปรี้ยวไม่มาก)
   น้ำต้มสุก 200 กรัม
   น้ำเชื่อม 30 กรัม
   เกลือ 1 กรัม

วิธีทำ

               นำมะม่วงดิบมาปอกเปลือก (ควรมีรสเปรี้ยวไม่มาก) ล้างน้ำให้สะอาด สับมะม่วงเป็นเส้นเล็กๆ คั้นกับน้ำต้มสุก กรองเอากากออก เติมน้ำเชื่อม และเกลือ ชิมรสตามชอบ (เติมน้ำแข็งเมื่อดื่ม)

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มะม่วง

          มะม่วง เป็นไม้ยืนต้นในตระกูล Mangifera ซึ่งเป็นไม้ผลเมืองร้อนในวงศ์ Anacardiaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera indicaเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย เพราะการที่ภูมิภาคนั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมและร่องรอยฟอสซิลที่หลากหลาย นับย้อนไปได้ถึง 25-30 ล้านปีก่อน มะม่วงมีความแตกต่างประมาณ 49 สายพันธุ์กระจายอยู่ตามประเทศในเขตร้อนตั้งแต่อินเดียไปจนถึงฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงแพร่หลายไปทั่วโลก เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบโต ยาว ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ใบอ่อนสีแดง ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีขาว ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง เมล็ดแบน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง
          มะม่วงเป็นผลไม้เศรษฐกิจ ปลูกเป็นพืชสวน ประเทศไทยส่งออกมะม่วงเป็นอันดับ 3 รองจากฟิลิปปินส์ และเม็กซิโก เป็นผลไม้ประจำชาติของอินเดีย ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ รวมทั้งบังกลาเทศ
          มะม่วงมีพันธุ์มากมายดังที่ปรากฏในหนังสือพรรณพฤกษาของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ที่กล่าวถึงมะม่วงในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้กว่า 50 พันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น เขียวเสวย แรด น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ อกร่อง ตัวอย่าง เช่น
           - เขียวเสวย เป็นพันธุ์พื้นเมืองของนครปฐม ผลยาว ด้านหลังผลโค้งนูนออก ปลายแหลม

ลูกเดือย

          ลูกเดือย เป็นธัญพืชประเภทคาร์โบไฮเดรตเดือยเป็นพืชพื้นเมืองแท้ๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเส้นใยอาหารสูง เป็นพืชตระกูลเดียวกับข้าว โดยมีลักษณะเป็นเม็ดสีขาว เม็ดจะออกกลม ๆ รี ๆ รสชาติออกมันเล็กน้อย ลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีปริมาณโปรตีน 13.84% คาร์โบ-ไฮเดรต 70.65% ใยอาหาร 0.23% ไขมัน 5.03% แร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงกระดูก มีอยู่ในปริมาณสูง รวมทั้งวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 โดยเฉพาะวิมามินบี 1 มีในปริมาณ มาก (มีมากกว่าข้าวกล้อง) ซึ่งช่วยแก้โรค เหน็บชาด้วย ลูกเดือยยังมีกรดอะมิโนทุกชนิดที่สูงกว่าความต้องการตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ยกเว้นเมทไธโอนีนและไลซีน เช่น มีกรดกลูตามิกในปริมาณมากตามด้วยลูซีน, อลานีน,โปรลีน วาลีน, ฟินิลอลานีน, ไอโซลูซีน และอาร์จีนีนลดหลั่นลงมา มีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัวด้วย เช่น กรดโอเลอิค และกรดลิโนเลอิก รวมแล้วถึง 84% และเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สมูทตี้ผักชี กับแตงโม

 ส่วนผสม
   ผักชี 120 กรัม
   แตงโม 250 กรัม
   นมเปรี้ยวรสธรรมชาติ ¼ ถ้วย
   น้ำมะนาว 1ช้อนชา
   น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
   น้ำแข็งก้อน

วิธีทำ
          ล้างผักชีให้สะอาด หั่นผักชีเป็นชิ้นเล็ก ๆ หั่นแตงโมเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำแตงโมไปแช่เย็น นำส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นน้ำแข็งก้อน) ใส่ลงในเครี่องปั่นแล้วปั่นส่วนผสมให้เป็นเนี้อเดียวกัน เทใส่แก้ว เติมน้ำแข็งสัก 4-5 ก้อน

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นมเปรี้ยว

          นมเปรี้ยว หรือ โยเกิร์ต (อังกฤษ: yoghurt (ภาษาอังกฤษใช้คำนี้เรียกรวม ๆ ทั้งนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นมสด นมพร่องมันเนย หรือ นมถั่วเหลือง โดยการใช้แบคทีเรีย แลคโตบาซิลัส เอซิโดซิส และ สเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส เป็นหลักใส่ลงไปหมักผลิตภัณฑ์นมต่างๆ แบคทีเรียเหล่านี้ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกรดแลคติค ทำให้มีภาวะกรดและมีรสเปรี้ยวโดยมีความเป็นกรด-เบสอยู่ระหว่าง 3.8-4.6 นมเปรี้ยว มี 2 ชนิด คือ ชนิดแรกเป็นนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเป็นน้ำคล้ายเครื่องดื่ม อีกชนิดหนึ่งเป็นนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเหลวข้นที่เรียกว่า โยเกิร์ต
          นักประวัติศาสตร์มีความเห็นว่า โยเกิร์ตเป็นอาหารที่รวมอยู่ในโภชนาการของชนเผ่าทราเซียน อันเป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่สุดของชาวบัลแกเรีย ชาวทราเซียนเก่งในการเลี้ยงแกะ คำว่า yog ในภาษาทราเซียน แปลว่า หนาหรือข้น ส่วน urt แปลว่า น้ำนม คำ yoghurt น่าจะได้มาจากการสมาสของคำทั้งสองข้างต้น ในยุคโบราณราวศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ก่อนคริสตกาล ชาวทราเซียนมีวิธีการเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุง ที่ทำจากหนังแกะ เวลาไปไหนต่อไหนก็เอาถุงนี้คาดเอวไว้

ผักชี

          ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Coriandrum sativum  L. ชื่อสามัญ :    Coriander วงศ์ :   Umbelliferae ชื่ออื่น :  ผักหอม (นครพนม) ผักหอมน้อย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ผักหอมป้อม ผักหอมผอม (ภาคเหนือ) ยำแย้ (กระบี่)
          ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :  ไม้ล้มลุก ที่มีลำต้นตั้งตรง ภายในจะกลวง และมีกิ่งก้านที่เล็ก ไม่มีขน มีรากแก้วสั้น แต่รากฝอยจะมีมาก ซึ่งลำต้นนี้จะสูงประมาณ 8-15 นิ้ว ลำต้นสีเขียวแต่ถ้าแก่จัดจะออกเสียเขียวอมน้ำตาล  ใบ  ลักษณะการออกของใบจะเรียงคล้ายขนนก แต่อยู่ในรูปทรงพัด ซึ่งใบที่โคนต้นนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ปลายต้น เพราะส่วนมากที่ปลายต้นใบจะเป็นเส้นฝอย มีสีเขียวสด  ดอก ออกเป็นช่อ ตรงส่วนยอดของต้น ดอกนั้นมีขนาดเล็ก มีอยู่ 5 กลีบสีขาวหรือชมพูอ่อนๆ  ผล  จะติดผลในฤดูหนาว ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมโตประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ตรงปลายผลจะแยกออกเป็น 2 แฉก ตาวผิวจะมีเส้นคลื่นอยู่ 10 เส้น
          ส่วนที่ใช้ :   ผล เมล็ด ต้นสด
          สรรพคุณ :
           • ผล - แก้บิด ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นมูก แก้ริดสีดวงทวาร มีเลือดออก แก้ท้องอืดเฟ้อ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำว่านหางจระเข้

ส่วนผสม
   ว่านหางจระเข้ 1 ถ้วยตวง
   น้ำ 1 ถ้วยตวง
   น้ำผึ้ง ½ ถ้วยตวง

วิธีทำ
          เลือกว่านหางจระเข้ที่ใหญ่ๆ (เพราะจะได้เนื้อมาก) ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ แช่น้ำทิ้งไว้สักพัก (เพื่อล้างน้ำยางของว่านหางจระเข้ออกให้หมด) หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ว่านหางจระเข้ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำ ปั่นให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำว่านหางจรเข้ เติมน้ำผึ้งลงไป ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง (ไม่ควรเก็บไว้เกิน 2 วัน)

ว่านหางจระเข้

          ว่านหางจระเข้ เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ในตระกูลลิเลี่ยม (Lilium) แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน
          คำว่า "อะโล" (Aloe) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "Allal" มีความหมายว่า ฝาดหรือขม ในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย และทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเกิดกระแสนิยมว่านหางจระเข้กันเป็นการใหญ่
          ว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำลำต้นสั้นหรือไม่มีลำต้นสูง 60–100 ซม. (24–39 นิ้ว) กระจายพันธุ์โดยตะเกียง ใบหนาอ้วนมีสีเขียวถึงเทา-เขียว บางสายพันธุ์มีจุดสีขาวบนและล่างของโคนใบ ขอบใบเป็นหยักและมีฟันเล็กๆสีขาว ออกดอกในฤดูร้อนบนช่อเชิงลด สูงได้ถึง 90 ซม (35 นิ้ว) ดอกเป็นดอกห้อย วงกลีบดอกสีเหลืองรูปหลอด ยาว 2–3 ซม. (0.8–1.2 นิ้ว) ว่านหางจระเข้ก็เหมือนพืชชนิดอื่นในสกุลที่สร้างอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นม

          นม คือ ผลิตภัณฑ์เหลว สีขาว มีกลิ่น และรสชาติดี ผลิตจากต่อมน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศเมีย เช่น คน วัว ควาย แมว แพะ แกะ และอื่น ๆ
          โดยทั่วไปนมจะมีส่วนประกอบคล้ายกัน กล่าวคือ นมจึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นมจากสัตว์ชนิดใดก็เหมาะสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์นั้น สำหรับคนนั้น น้ำนมแม่เป็นอาหารชนิดเดียวที่ดีที่สุดสำหรับลูกรัก เพราะมีสารอาหารครบถ้วน เหมาะสำหรับการนำไปสร้างสมอง และร่างกายในช่วง 6 เดือนแรก ทั้งยังสะอาด ปลอดภัย และมีภูมิต้านทานโรคติดเชื้อหลายชนิดที่นมชนิดอื่นไม่มี การให้นมลูกยังเป็นความอบอุ่น

น้ำผึ้ง

          น้ำผึ้ง เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำต้อยจากดอกไม้ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์[Apis]] เนื่องจาก เป็นผึงเก็บน้ำหวานให้คุณภาพสูง และสามารถเลี้ยงระบบกล่องได้ น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำต้อยที่มา และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ นอกจากนี้ ยังมีภูมิปัญญาที่ใช้น้ำผึ้งในการรักษาอาการเจ็บป่วย
          ผึ้งน้ำหวานเปลี่ยนน้ำต้อยเป็นน้ำผึ้งด้วยขบวนการการขย้อน และเก็บไว้เป็นแหล่งอาหารหลักในรังผึ้ง honeycomb โดยผึงจะสร้าง ขี้ผึ้งจากเศษเกสรดอกไม้และน้ำเมือก โดยจะเก็บของเหลว จากการขย้อน]ลงใน ฐานหกเหลียม และปิดไว้ด้วย ขี้ผึ้งอ่อน
          น้ำผึ้งได้ความหวานจากมอโนแซ็กคาไรด์ ฟรุกโทสและกลูโคส และมีความหวานประมาณเทียบได้กับน้ำตาลเม็ด น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางเคมีที่ดึงดูดในการอบ และมีรสชาติพิเศษซึ่งทำให้บางคนชอบน้ำผึ้งมากกว่าน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ จุลินทรีย์ส่วนมากไม่เจริญเติบโตในน้ำผึ้งเพราะมีค่าแอกติวิตีของน้ำต่ำที่ 0.6 อย่างไรก็ดี บางครั้งน้ำผึ้งก็มีเอนโดสปอร์ในระยะพักตัวของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารก เพราะเอนโดสปอร์สามารถแปลงเป็นแบคทีเรียที่ผลิตชีวพิษในทางเดินอาหารที่ยังไม่เจริญเต็มที่ของทารก

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำลูกยอ

 ส่วนผสม
   ลูกยอสุก 1-2 ผล (ผลใหญ่)
   น้ำ 1 ½ ถ้วยตวง
   น้ำผึ้ง ½ ถ้วยตวง
   น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง
   เกลือ ½ ช้อนชา

วิธีทำ
          นำลูกยอสุก (เกือบงอม) มาล้างให้สะอาด ใส่หม้อเติมน้ำต้มจนเปื่อย ยีเอาเมล็ดออก กรองเอาแต่น้ำลูกยอ (เอากากลูกยอออก) นำน้ำลูกยอที่ได้มาต้มต่อ เติมน้ำตาล น้ำผึ้ง และเกลือ ผสมให้เข้ากัน
ชิมรสตามชอบ แช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

ยอ

          ยอ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Morinda citrifolia L.) เป็นพืชพื้นเมืองในแถบโพลีเนเซียตอนใต้ แล้วแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ภาษามาเลย์เรียกเมอกาดู ในหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกเรียกโนนู เป็นไม้ยืนต้น ต้นสี่เหลี่ยม เปลือกต้นเรียบ ใบสีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ ฐานดอกติดกันแน่นเป็นทรงกลม ผลทรงยาวรี เมื่ออ่อนสีเขียว พอสุกเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล เนื้อนุ่ม รสเผ็ด กลิ่นแรง มีเมล็ดจำนวนมาก สีน้ำตาลเข้ม
          ใบอ่อนนำมาลวกกินกับน้ำพริก แกงจืด แกงอ่อม หรือใช้รองกระทงห่อหมก ผัดไฟแดง ลูกยอสุกกินกับเกลือหรือกะปิ ลูกห่ามใช้ตำล้มตำ ปัจจุบันมีการนำลูกยอไปคั้นเป็นน้ำลูกยอ ใช้ดื่มเป็นยาลดความดันโลหิต ทำให้นอนหลับ ป้องกันโรคภูมิแพ้
          ลูกยอบดประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตและเส้นใย มีธาตุอาหารที่พบในน้ำลูกยอเล็กน้อย ในลูกยอบดมี วิตามินซี ไนอะซิน (วิตามิน B3), เหล็ก และ โพแทสเซียม วิตามินเอ, แคลเซียม และ โซเดียม เมื่อคั้นเป็นน้ำจะเหลือแต่วิตามินซี ในปริมาณครึ่งหนึ่งของส้มดิบ แต่มีโซเดียมสูงกว่า ลูกยอมีสารเคมีหลายชนิด เช่น ลิกนัน โพลีแซคคาไรด์ ฟลาโอนอยด์ อีริดอยด์ กรดไขมัน สโคโปเลติน และ อัลคาลอยด์ แม้จะมีการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารเหล่านี้ แต่ยังไม่เพียงพอต่อการสรุปถึงประโยชน์ต่อมนุษย์
          ใบสดใช้สระผม กำจัดเหา ผลยอแก่มี asperuloside แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำลูกบัวต้ม

 ส่วนผสม
   เมล็ดบัว 1 ถ้วยตวง
   น้ำ 2 ถ้วยตวง
   น้ำตาลทรายแดง ½ ถ้วยตวง

วิธีทำ
          เลือกเมล็ดบัวที่มีลักษณะกลมค่อนข้างแก่ แกะเปลือกออก และล้างน้ำให้สะอาด ต้มน้ำจนเดือด ใส่เมล็ดบัวลงในน้ำเดือดจนสุก เติมน้ำตาลทรายแดง ชิมรสตามชอบ ทิ้งไว้ให้เย็น รับประทานกับน้ำแข็งบด

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำเก๊กฮวย

 ส่วนผสม
   ดอกเก๊กฮวยแห้ง  2 ถ้วยตวง
   น้ำตาลทราย  1 ถ้วยตวง
   น้ำเปล่า  4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
          ล้างดอกเก๊กฮวยแห้งให้สะอาด เติมน้ำลงในหม้อใส่ดอกเก๊กฮวยต้มจนน้ำเดือด และน้ำเก๊กฮวยเป็นสีเหลืองอ่อน กรองเอากากออก เติมน้ำตาลทรายต้มต่อจนน้ำตาลละลาย

เบญจมาศ (เก๊กฮวย คือ เบญจมาศสวน)

          เบญจมาศ หรือ (อังกฤษ: Chrysanthemum; ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendranthemum grandifflora) เป็นไม้ตัดดอกอีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกเลี้ยงและใช้กัน มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกุหลาบ (2537) เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่มีรูปทรงสวยงาม สีสันสดใส ปลูกเลี้ยงง่าย และมีหลายพันธุ์ให้เลือก มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นและจีน
          ดอกเบญจมาศมีอยู่หลายสายพันธุ์ ชนิดเลื่องชื่อคือ เบญจมาศสวน (Chrysanthemum indicum Linn. ในวงศ์ Compositae) กับเบญจมาศหนู (Chrysanthemum morifolium Ramat. ในวงศ์เดียวกัน) ซึ่งเรียกรวมกันว่า "ดอกเก๊กฮวย" (菊花 júhuā ?) นิยมนำมาตากแห้ง ใช้ชงกับใบชา หรือต้มกับน้ำตาลทำน้ำเก๊กฮวย
          เบญจมาศที่นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก มี 3 ประเภท คือ
           1. Exhibition Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดใหญ่มาก ดอกมีรูปทรงกลม ลำต้นสูงใหญ่ แต่ละต้นเลี้ยงให้มีเพียง 1 ดอก ปกติจะปลูกสำหรับการโชว์
           2. Standard Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดเล็กกว่า Exhibition Type แต่ละต้นเลี้ยงให้มี 3-4 กิ่ง และแต่ละกิ่งให้มีเพียง 1 ดอก
           3. Spray Type เป็นเบญจมาศที่มีดอกขนาดเล็กกว่า Standard Type แต่ละกิ่งมีหลายดอก และมี 3-4 กิ่งต่อต้น หรืออาจมีมากกว่านี้ ตัดดอกขายในลักษณะเป็นกิ่งหรือต้องขายทั้งต้น
          พันธุ์เบญจมาศอยู่กว่า 1,000 พันธุ์ ที่นิยมปลูกในประเทศไทยเป็นประเภท Standard Type

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำนมข้าวโพด

ส่วนผสม
   ข้าวโพด  1 ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก 4 ถ้วยตวง
   นมสด  2  ช้อนโต๊ะ
   เกลือ  ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
          ล้างข้าวโพดให้สะอาด ต้มข้าวโพดจนสุก หั่นข้าวโพดเอาแต่เม็ด นำเม็ดข้าวโพดใส่เครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม นมสด และเกลือ ปั่นเข้ากันจนละเอียด

ข้าวโพด

          ข้าวโพด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Zea mays Linn.) ชื่ออื่นๆ ข้าวสาลี สาลี (เหนือ) คง (กระบี่) โพด (ใต้) บือเคเส่ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เป็นพืชตระกูลเดียวกับหญ้ามีลำต้นสูง โดยเฉลี่ย 2.2 เมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น 0.5-2.0 นิ้ว เมล็ดจากฝักใช้เป็นอาหารคนและสัตว์
          ข้าวโพดเป็นพืชจำพวกหญ้า รากชั่วคราว เรียกว่า ไพรี หลังจากข้าวโพดเจริญเติบโตได้ประมาณ 7 – 10 วัน รากถาวรจะงอกขึ้นรอบ ๆ ข้อปลาในระดับใต้พื้นดินประมาณ 1-2 นิ้ว รากถาวรนี้ เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะแผ่ออกไปโดยรอบประมาณ 100 เซนติเมตร รากของข้าวโพดเป็นระบบรากฝอย (fibrous root system) นอกจากรากที่อยู่ใต้ดินแล้ว ยังมีรากยึดเหนี่ยว (brace root) ซึ่งเกิดขึ้นรอบ ๆ ข้อที่อยู่ใกล้ผิวดิน มีลำต้นตั้งตรงแข็งแรง เนื้อภายในฟ่ามคล้ายฟองน้ำสูงประมาณ 1.4 เมตร ลำต้นมีข้อ (node) และปล้อง (internode) ปล้องที่อยู่ในดินและใกล้ผิวดินสั้น และจะค่อย ๆ ยาวขึ้นไปทางด้านปลาย ปล้องเหนือพื้นดินจะมีจำนวนประมาณ 8-20 ปล้อง ลำต้นสดมีสีเขียว ใบ ยาวรี เป็นเส้นตรงปลายแหลม ยาวประมาณ 30-100 ซม. เส้นกลางของใบจะเห็นได้ชัด ตรงขอบใบมีขนอ่อนๆ มีเขี้ยวใบ ลักษณะของใบรวมทั้งสีของใบแตกต่างกันไป แล้วแต่ชนิดของพันธุ์ บางพันธุ์ใบสีเขียว บางพันธุ์ใบสีม่วงและบางพันธุ์ใบลาย จำนวนใบก็เช่นเดียวกันอาจมีตั้งแต่ 8-48 ใบ

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำทับทิม

ส่วนผสม
   เมล็ดทับทิม  2  ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  4  ถ้วยตวง

วิธีทำ
          เอาเมล็ดทับทิมขยำกับน้ำต้มให้ได้เนื้อและน้ำทับทิมมากที่สุด แล้วกรองเอาแต่น้ำทับทิมด้วยผ้าขาว  ใส่น้ำทับทิมลงในหม้อตั้งไฟประมาณ 5  นาที เติมน้ำเชื่อม และเกลือ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

ทับทิม

          ทับทิม (Pomegranate) ชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว, พิลา, พิลาขาว, มะก่องแก้ว, มะเก๊าะ, หมากจัง เป็นไม้ผลขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 5-8 เมตร
          ทับทิมมีถิ่นกำเนิดจากตะวันออกของประเทศอิหร่าน ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานและทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย ทับทิมจึงชอบอากาศหนาวเย็นและอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะอย่างน้อย 300 เมตร ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น
          ผลทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวานทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำทับทิมมีวิตามินซีสูงและยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูงเหมาะสำหรับการดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
          น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมากสามารถลดภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำมะนาวปั่น

 ส่วนผสม
   มะนาว  4  ผล
   น้ำต้มสุก  2   ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1   ถ้วยตวง
   เกลือป่น  1  ช้อนชา

วิธีทำ
          ล้างมะนาวให้สะอาด  คั้นเอาแต่น้ำน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุก  น้ำเชื่อม  เกลือ  และน้ำแข็งบด  ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ

น้ำมะนาว

 ส่วนผสม
   มะนาว  4  ผล
   น้ำต้มสุก  2   ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1   ถ้วยตวง
   เกลือป่น  1  ช้อนชา

วิธีทำ
          ล้างมะนาวให้สะอาด  คั้นเอาแต่น้ำมะนาว  เติมน้ำเชื่อม  น้ำต้มสุก และเกลือ  คนให้เข้ากัน  ชิมรสตามชอบ

มะนาว

          มะนาว (อังกฤษ: Lime) เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง ผลมีรสเปรี้ยวจัด จัดอยู่ในสกุลส้ม (Citrus) ผลสีเขียว เมื่อสุกจัดจะเป็นสีเหลือง เปลือกบาง ภายในมีเนื้อแบ่งกลีบๆ ชุ่มน้ำมาก นับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรส นอกจากนี้ยังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์ด้วย
          ผลมะนาวโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 – 4.5 ซม. ต้นมะนาวเป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงเต็มที่ราว 5 เมตร ก้านมีหนามเล็กน้อย มักมีขนดก ใบยาวเรียวเล็กน้อย คล้ายใบส้ม ส่วนดอกสีขาวอมเหลือง ปกติจะมีดอกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าหนาว จะออกผลน้อย และมีน้ำน้อย
          มะนาวเป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนในภูมิภาคนี้รู้จักและใช้ประโยชน์จากมะนาวมาช้านาน น้ำมะนาวนอกจากใช้ปรุงรสเปรี้ยวในอาหารหลายประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศทั่วโลก นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำนมถั่วเหลือง

 ส่วนผสม
   ถั่วเหลือง  1 กก.
   น้ำตาลทราย  1  กก.
   น้ำ  8  ลิตร
   เกลือป่น  1  ช้อนชา

วิธีทำ
          นำถั่วเหลืองมาล้างน้ำและนำสิ่งสกปรกออกให้สะอาด นำถั่วเหลืองมาแช่น้ำไว้ประมาณ 5-6 ชม. จากนั้นเติมน้ำปั่นให้ละเอียด  แล้วกรองเอากากออกด้วยผ้าขาวบาง (ไม่จำเป็นต้องกรอง) ต้มน้ำนมถั่วเหลืองที่ได้จนเดือด เติมน้ำตาลทราย และเกลือ ชิมรสตามชอบ (หากต้องการให้หอมมัน ควรเติมถั่วลิสงคั่วสัก  1  กำมือ ตอนปั่น)

ถั่วเหลือง

          ถั่วเหลือง (อังกฤษ: Soybean; ชื่อวิทยาศาสตร์: Glycine max (L.) Merrill) เป็นพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสำหรับปลูกสลับกับการปลูกข้าว ได้มีรายงานการปลูกถั่วเหลืองในประเทศจีนเมื่อเกือบ 5,000 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าส่วนใดของประเทศจีนเป็นถิ่นกำเนิดที่สันนิษฐานและยอมรับกันโดยทั่วไปคือบริเวณหุบเขาแม่น้ำเหลือง (ประมาณเส้นรุ้งที่ 35 องศาเหนือ) เพราะว่าอารยธรรมของจีนได้ถือกำเนิดที่นั่น และประกอบกับมีการจารึกครั้งแรกเกี่ยวกับถั่วเหลือง เมื่อ 2295 ปีก่อนพุทธกาล ที่หุบเขาแม่น้ำเหลือง จากนั้นถั่วเหลืองได้แพร่กระจายสู่ประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น เมื่อ 200 ปีก่อนคริสตกาล แล้วเข้าสู่ยุโรปในช่วงหลัง พ.ศ. 2143 และไปสู่สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2347 จากนั้นกว่า 100 ปี ชาวอเมริกันได้ปลูกถั่วเหลืองเพื่อเป็นอาหารสัตว์ใช้เลี้ยงวัวโดยไม่ได้นำเมล็ดมาใช้ประโยชน์อย่างอื่น จนถึงปี พ.ศ. 2473 สหรัฐอเมริกาได้นำพันธุ์ถั่วเหลืองจากจีนเข้าประเทศกว่า 1,000 สายพันธุ์ เพื่อการผสมและคัดเลือกพันธุ์ ทำให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่มีเมล็ดโต ผลผลิตสูง

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำมะเขือเทศปั่น

 ส่วนผสม
   มะเขือเทศ  1/2  กก.
   น้ำเชื่อม  1 ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  2  ถ้วยตวง
   เกลือ  1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
          ล้างมะเขือเทศสุกให้สะอาด  ผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก เติมน้ำเชื่อม น้ำต้มสุก  และเกลือ  ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ

มะเขือเทศ

          มะเขือเทศ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lycopersicon esculentum Mill.) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด
          เป็นพืชล้มลุกอายุเพียง 1 ปี ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบเล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ ออกดอกเป็นช่อหรือดอกเดี่ยว บริเวณซอกใบ ดอกมีสีเหลือง มีกลีบเลี้ยงสีเขียวประมาณ 5-6 กลีบ ผลเป็นผลเดี่ยว มีขนาดรูปร่างและสีต่างกัน ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวนอกลีบเป็นมัน ผลดิบมีสีเขียว หรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำมีรสเปรี้ยว เมล็ดมีเป็นจำนวนมาก

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำมะละกอปั่น

 ส่วนผสม
   เนื้อมะละกอสุก  2  ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  3   ถ้วยตวง
   เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
     ปอกเปลือกมะละกอสุกเอาเมล็ดออก  ล้างมะละกอสุกให้สะอาด หั่นเนื้อมะละกอสุกเป็นชิ้นเล็กๆ  เติมน้ำเชื่อม  น้ำต้มสุก  และเกลือ  ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ

มะละกอ

          มะละกอ เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ถูกนำเข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้
          มะละกอเป็นไม้ล้มลุก (บางครั้งอาจเข้าใจผิดว่าเป็นไม้ยืนต้น) เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว 5-9 แฉก เกาะกลุ่มอยู่ด้านบนสุดของลำต้น ภายในก้านใบและใบมียางเหนียวสีขาวอยู่ มะละกอบางต้นอาจมีดอกเพียงเพศเดียว แต่บางต้นอาจมีดอกได้ทั้งสองเพศก็ได้ ผลเป็นรูปรี อาจหนักได้ถึง 9 กิโลกรัม ผลดิบมีสีเขียว และมีน้ำยางสีขาวสะสมอยู่ที่เปลือก ส่วนผลสุก เนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม มีเมล็ดสีดำเล็ก ๆ อยู่ภายในกินไม่ได้
          นอกจากการนำมะละกอไปรับประทานสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ แกงส้ม ฯลฯ หรือนำไปหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย เพราะในมะละกอมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า พาเพน (Papain) ซึ่งสามารถนำเอนไซม์ชนิดนี้ไปใส่ในผงหมักเนื้อสำเร็จรูป

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำรากบัวต้ม

 ส่วนผสม
   รากบัว 4 ถ้วยตวง
   น้ำตาล 2 ถ้วยตวง
   น้ำสะอาด 6 ถ้วยตวง

วิธีทำ
          ล้างรากบัวให้สะอาด  ฝานรากบัวเป็นชิ้นบางๆ  นำไปต้มกับน้ำ จนน้ำเป็นสีชมพู  กรองเอากากออก  เติมน้ำตาลต้มต่ออีกสักพัก ชิมรสตามชอบ ดื่มอุ่นๆ หรือรอให้เย็น

บัว

          ดอกบัว เป็นพืชน้ำล้มลุก ลักษณะลำต้นมีทั้งที่เป็นเหง้า ไหล หรือหัว ใบเป็นใบเดี่ยวเจริญขึ้นจากลำต้น โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญที่ใต้น้ำ ผิวน้ำหรือเหนือน้ำ รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบบัวและผิวบัวยังมีลักษณะเป็นมันวาวอีกด้วย
          บัวเป็นราชินีแห่งไม้น้ำ จัดเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ถือเป็นสัญญลักษณ์ของคุณงามความดี บัวหลวงชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนามเหมือนก้านใบ ชูดอกเหนือน้ำ และชูสูงกว่าใบเล็กน้อย กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ สีขาวอมเขียวหรือสีเทาชมพู ร่วงง่าย กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนหลายสี

          บัวที่พบและนิยมปลูกในประเทศไทย

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำมะพร้าวต้ม

ส่วนผสม
   มะพร้าว  2  ลูก
   น้ำตาล  1   ถ้วยตวง 
   น้ำ 1 ถ้วยตวง


วิธีทำ
          ปอกเปลือกมะพร้าว เทเอาน้ำข้างในเก็บไว้ แล้วตักเอาเนื้อออกมา นำเนื้อและน้ำมะพร้าวมาต้มด้วยกัน เติมน้ำตาลทราย และน้ำ ชิมรสตามชอบ นำไปแช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

น้ำมะพร้าวปั่น

ส่วนผสม
   มะพร้าว  2  ลูก
   น้ำเชื่อม  1   ถ้วยตวง 
   น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
          ปอกเปลือกมะพร้าว เทเอาน้ำข้างในเก็บไว้ แล้วตักเอาเนื้อออกมา นำเนื้อและน้ำมะพร้าวมาปั่น เติมน้ำเชื่อม น้ำต้มสุก ปั่นจนส่วนผสมเข้ากัน ชิมรสตามชอบ นำไปแช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

มะพร้าว

          มะพร้าว เป็นพืชยืนต้นชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลปาล์ม เป็นพืชซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ในหลายทาง เช่น น้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนใช้รับประทาน เนื้อในผลแก่นำไปขูดและคั้นทำกะทิ กะลานำไปประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ ฯลฯ นอกจากนี้มะพร้าวจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง ได้กำหนดให้ปลูกมะพร้าวไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล
          มะพร้าว เป็นพืชยืนต้น ใบมีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก ผลประกอบด้วยเอพิคาร์ป (epicarp) คือเปลือกนอก ถัดไปข้างในจะเป็นมีโซคาร์ป (mesocarp) หรือใยมะพร้าว ถัดไปข้างในเป็นส่วนเอนโดคาร์ป (endocarp) หรือกะลามะพร้าว ซึ่งจะมีรูสีคล้ำอยู่ 3 รู สำหรับงอก ถัดจากส่วนเอนโดคาร์ปเข้าไปจะเป็นส่วนเอนโดสเปิร์ม หรือที่เรียกว่าเนื้อมะพร้าว ภายในมะพร้าวจะมีน้ำมะพร้าว ซึ่งเมื่อมะพร้าวแก่ เอนโดสเปิร์มก็จะดูดเอาน้ำมะพร้าวไปหมด
          ขณะที่มะพร้าวยังอ่อน ชั้นเอนโดสเปิร์ม (เนื้อมะพร้าว) ภายในผลมีลักษณะบางและอ่อนนุ่ม ภายในมีน้ำมะพร้าว ซึ่งในระยะนี้เรามักสอยเอามะพร้าวลงมารับประทานน้ำและเนื้อ เมื่อมะพร้าวแก่

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำลูกตาลต้ม

ส่วนผสม
   เนื้อลูกตาล  2  ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  2  ถ้วยตวง
   น้ำ  3  ถ้วยตวง

วิธีทำ
          หั่นลูกตาลเป็นชิ้นยาว  ใส่ลงในหม้อ  ต้มน้ำจนเดือด  เติมน้ำตาล เอาฟองทิ้ง ชิมรสตามชอบ (รับประทานกับน้ำแข็ง)

น้ำลูกตาลปั่น

ส่วนผสม
   เนื้อลูกตาล  2  ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  3  ถ้วยตวง

วิธีทำ
          หั่นเนื้อลูกตาลเป็นชิ้นเล็กๆ เติมน้ำเชื่อม น้ำต้มสุกปั่นให้ละเอียด จนกลายเป็นน้ำสีขาว ชิมรสตามชอบ นำไปแช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

ตาล

          ตาล หรือ โหนด ในภาษาใต้ (อังกฤษ: Asian Palmyra palm, Toddy palm, Sugar palm, Cambodian palm) เป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มขนาดใหญ่ สกุล Borassus ในวงศ์ปาล์ม (Arecaceae) เป็นปาล์มที่แข็งแรงมากชนิดหนึ่ง และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ต้นสูงถึง 40 เมตร และโตวัดผ่ากลางประมาณ 60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำแข็งมาก แต่ไส้กลางลำต้นอ่อน บริเวณโคนต้นจะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ใบเหมือนพัดขนาดใหญ่ กว้าง 1 - 1.5 เมตร มีก้านเป็นทางยาว 1 - 2 เมตร ขอบของทางของก้านทั้งสองข้าง มีหนามเหมือนฟันเลื่อยสีดำแข็ง ๆ และคมมาก โคนก้านแยกออกจากกันคล้ายคีมเหล็กโอบหุ้มลำต้นไว้ ช่อดอกเพศผู้ใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มคล้ายนิ้วมือ เรียกว่านิ้วตาลแต่ละนิ้วยาวประมาณ 40 เซนติเมตร และโตวัดผ่า กลางประมาณ 1.5 - 2 เซนติเมตร โคนกลุ่มช่อจะมีก้าน ช่อรวมและมีกาบแข็ง ๆ หลายกาบหุ้มโคนก้านช่ออีกทีหนึ่ง ช่อดอกเพศเมียก็คล้าย ๆ กัน แต่นิ้วจะเป็นปุ่มปม ปุ่มปมคือดอกที่ติดนิ้วตาล ดอกหนึ่ง ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 2 เซนติเมตร และมีกาบแข็ง ๆ หุ้ม แต่ละดอก กาบนี้จะเติบโตไปเป็นหัวจุกลูกตาลอีกทีหนึ่ง ผลกลมหรือรูปทรงกระบอกสั้น ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 15 เซนติเมตร ผลเป็นเส้นใยแข็งเป็นมัน มักมีสีเหลืองแกมดำคล้ำเป็นมันหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผลหนึ่ง ๆ จะมีเมล็ดใหญ่แข็ง

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำระกำ

 ส่วนผสม
   เนื้อระกำ  10  ลูก
   น้ำเชื่อม  3  ถ้วยตวง
   น้ำสะอาด  4  ถ้วยตวง
   เกลือ

วิธีทำ
         ปอกเปลือกระกำ  นำระกำมาต้มจนเปื่อย เอาเม็ดระกำออก ต้มระกำต่อ  เติมน้ำเชื่อม และเกลือ ชิมรสตามชอบ

ระกำ

          ระกำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Salacca wallichiana) เป็นพืชตระกูลปาล์ม ซึ่งมีต้นหรือเหง้าเตี้ย ยอดแตกเป็นกอ ใบมีลักษณะยาวเป็นทาง ยาวประมาณ 2-3 เมตร ลำต้นมีหนามแหลมยาวประมาณ 1 นิ้ว ออกผลเป็นทะลาย ทะลายหนึ่งมีตั้งแต่ 2-5 กระปุก เปลือกผลมีหนามแข็งเล็ก ๆ อุ้มไปทางท้ายผล ผลหนึ่ง ๆ มี 2-3 กลีบ เป็นส่วนมากเมื่อดิบมีรสฝาดและเปรี้ยว เมื่อสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว เนื้ออ่อน บาง กลิ่นหอม ฉ่ำน้ำ ลักษณะใกล้เคียงกับสละ แต่ผลป้อมกว่า เมล็ดใหญ่กว่า สีจางกว่า เนื้อจะออกสีอมส้มมากกว่า

          ระกำเป็นพืชที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เจริญเติบโตและให้ผลผลิต ได้ทั่วไปในที่ดอนและชุ่มชื้น ระกำเป็นพืชที่ชอบร่มเงาปกคลุม ดังนั้นชาวสวนจึงนิยม ปลูกพืชขนาดใหญ่อื่น ๆ ให้ร่มเงาแก่ระกำ ระกำจะให้ผลผลิตมากในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ระกำเป็นพืชขึ้นทั่วไป ในพื้นที่ป่าของจังหวัดตราด จันทบุรี และระยอง ต่อมาได้มีการนำระกำมาปลูกในสวน และปรับปรุงพันธุ์ให้เป็นพันธุ์ดีขึ้น โดยเฉพาะ จังหวัดตราด เกษตรกรนิยมปลูกระกำกันมาก จนเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่า คือ "ระกำหวานเมืองตราด"

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำลูกจากต้ม

ส่วนผสม
   เนื้อลูกจาก  2   ถ้วยตวง
   น้ำตาล  2  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก   3   ถ้วยตวง


วิธีทำ
          นำเนื้อลูกจาก  ต้มให้เดือด เติมน้ำตาล ชิมรสตามชอบ (รับปทานกับน้ำแข็งบด)

น้ำลูกจากปั่น

ส่วนผสม
   เนื้อลูกจาก  2   ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก   3   ถ้วยตวง

วิธีทำ
          นำเนื้อลูกจาก ใส่เครื่องปั่น  เติมน้ำเชื่อม  น้ำต้มสุกปั่นให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ นำไปแช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

จาก

          จาก (อังกฤษ: Nypa) เป็นพืชจำพวกปาล์มที่มีชื่อสามัญว่า Nipa Palm โดยมีการจัดอยู่ที่ในวงศ์ย่อย Nypoideae ซึ่งมีสกุลเดียว (Nypa) และเป็นปาล์มเพียงชนิดเดียวที่เป็นพืชในป่าชายเลน และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน นับเป็นพืชเก่าแก่มากชนิดหนึ่ง ที่มีซากดึกดำบรรพ์อายุถึง 70 ล้านปี จากพบได้ทั่วไปในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในบริเวณน้ำจืด และน้ำกร่อย ที่มีน้ำเค็มขึ้นถึง มักจะขึ้นเป็นดงขนาดใหญ่ เรียกว่า ป่าจาก หรือดงจาก จากสามารถเติบโตได้ดีในดินโคลน ตามป่าชายเลน หรือบริเวณริมคลองที่มีไม้ให้ร่มเงาปะปนอยู่ด้วย มักอยู่ในช่วงที่มีน้ำจืดและน้ำกร่อยปนกัน แต่บนบกที่น้ำท่วมถึงก็พบจากได้บ้างเช่นกัน หากดินไม่แห้งแล้งนานจนเกินไป
          จากเป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ต้นตั้งตรง ใบแทงขึ้นจากกอ ช่อดอกแทงเป็นงวงออกมาจากกาบใย ส่วนที่เราเห็นของจาก คือส่วนใบและช่อดอกเท่านั้น ที่โคนใบมีกะเปาะอากาศ ช่วยพยุงให้ใบชูขึ้นเหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้งเรียก "พอนใบ" ส่วนช่อดอกที่แทงออกมาเรียก "นกจาก"  ใบที่โผล่ขึ้นมานั้น อาจชูขึ้นไปสูงได้ถึง 9 เมตร โดยไม่มีส่วนของลำต้นให้เห็นเลย ดอกของปาล์มเป็นลักษณะช่อ สีเหลืองแสด กลม ดอกตัวเมียที่ปลาย ดอกตัวผู้อยู่ตรงโคนช่อดอก ส่วนผลนั้นมีเปลือกแข็ง กระจุกเป็นทะลายหลายผล เปลือกสีน้ำตาล เรียกว่า "โหม่งจาก" ข้างในมีเนื้อเมล็ดสีขาว มีปริมาณเนื้อไม่มากนัก รับประทานได้ รสชาติคล้ายลูกตาลสด เมื่อสุกเต็มที่ผลจะแยกจากกลุ่ม ลอยน้ำ สามารถแพร่พันธุ์ไปได้ไกลๆ บางครั้งก็แตกหน่อขณะยังลอยน้ำ


          จากเป็นพืชที่คนไทยรู้จักมานาน และใช้ประโยชน์ของจากได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ใบจนถึงผล ใบจากมีลักษณะคล้ายใบมะพร้าว แต่มีความเหนียว และกว้างกว่า ทำให้สามารถใช้นำมาเย็บเป็นตับ เรียกว่า "ตับจาก" แล้วนำไปมุงหลังคา กันแดดกันฝนได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะใช้งานไปนาน ใบจากกรอบ เปลี่ยนจากสีเขียวเข้ม เป็นสีเหลือง สีน้ำตาล กระทั่งเกือบเป็นสีดำ แต่ก็ยังคงกันฝนและแดดได้ จนกว่าจะแห้งกรอบและผุไป ใช้ทำหมวกที่เรียก "เปี้ยว" พอนจากใช้ทำเชื้อเพลิง ใบจากอ่อนตากแห้งใช้มวนยาสูบ ห่อขนมต้ม ทำที่ตักน้ำเรียก "หมาจาก" ตอกบิด เสวียนหม้อ ใช้ห่อขนมจาก ซึ่งเป็นขนมที่ทำจากแป้ง น้ำตาล และมะพร้าว ผสมกันจนเหลวได้ที่ แล้วนำห่อด้วยใบจาก ปิ้งบนไฟ จนมีกลิ่นหอม แม้อาจมีการใช้ใบมะพร้าวมาห่อ แต่ก็ไม่อร่อยเท่าใช้ใบจาก ใบจากใช้ต้มน้ำดื่มแก้อาการท้องร่วงได้ ในหมู่เกาะโรตีและซาวูใช้ใบจากเป็นอาหารหมูเพื่อให้เนื้อหมูมีรสหวาน
          ช่อดอกนำมาทำแกงหรือกินกับน้ำพริก ก้านช่อดอกปาดเอาน้ำหวานมาทำเป็นน้ำตาลได้ เรียก "โซม" หรือนำไปหมักเป็นเหล้าและน้ำส้มสายชู กลีบดอกนั้นนำไปเป็นส่วนผสมของชาสมุนไพรได้ผลจากที่สุกแล้ว จะมีเนื้อในเมล็ดเป็นเยื่อสีขาว ใส นุ่ม มีรสหวาน นิยมรับประทานเป็นของหวาน เรียกลูกจาก ผลอ่อนที่แตกหน่อ จะมีจาวอยู่ข้างใน นำมารับประทานได้เช่นเดียวกับจาวตาล หรือจาวมะพร้าว
          เนื่องจาก จาก เป็นพืชในวงศ์เดียวกับ ตาว ซึ่งลูกของตาวนั้นเมื่อมาทำขนมเรียกว่าลูกชิด ด้วยลักษณะที่คล้ายคลึงกัน จึงมักจะมีความเข้าใจสับสน ว่า "จาก" กับ "ชิด" เป็นพืชชนิดเดียวกัน โดยเรียกต้นว่า "จาก" และเรียกลูกว่า "ชิด" ดังมี กล่าวไว้ดังนี้


          ในลำคลองสองฟากล้วนจากปลูก            ทะลายลูกดอกจากขึ้นฝากแฝง
          ต้นจากถูกลูกชิดนั้นติดแพง                      เขาช่างแปลงชื่อถูกเรียกลูกชิดฯ
                                                                           - คำกลอนในนิราศเมืองเพชร ของสุนทรภู่ -


          ผลจากเจ้าลอยแก้ว                                  บอกความแล้วจากจำเป็น
          จากช้ำน้ำตากระเด็น                                 เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตงฯ
                                                                           - กาพย์เห่เรือ ในรัชกาลที่ 2 -  (จากวิกิพีเดีย)


 น้ําผลไม้ที่แนะนำ
น้ำลูกจากปั่น
น้ำลูกจากต้ม

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำละมุด

 ส่วนผสม
   เนื้อละมุด  2   ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม  1  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  3  ถ้วยตวง
   เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ
          ล้างละมุดให้สะอาด ปอกเปลือกฝานเอาแต่เนื้อละมุด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำเชื่อม น้ำต้มสุก และเกลือเล็กน้อย  ปั่นให้ละเอียด ชิมรสชิมรสตามชอบ นำไปแช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ละมุด

          ละมุด (อังกฤษ: Sapodilla) เป็นพันธุ์ไม้ไม่ผลัดใบชนิดหนึ่ง ผลมีรสหวานหอมนิยมรับประทานเป็นอาหารว่างและนิยมรับประทานในประเทศไทย ผลละมุดสุกมีน้ำตาลสูง และประกอบไปด้วย วิตามินเอและซี ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส ละมุดดิบมียางสีขาวเหมือนน้ำนม มีสารที่ชื่อว่า “gutto” ละมุดมีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือ ชวานิลอ (ปัตตานี,มลายู ยะลา)
          ละมุดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เป็นพุ่มทึบ กิ่งก้าน แตกออกรอบลำต้นเป็นชั้น ๆ ใบเดี่ยว ท้องใบมีสีน้ำตาลอมเขียว มักออกเป็นกระจุก ตามปลายกิ่ง ดอกเดี่ยว ออกตามง่ามกิ่ง กลีบรองดอกเรียงกัน เป็น 2 ชั้น กลีบดอกเชื่อมกันและยกตั้งขึ้น มี 6 กลีบ มีสีเหลืองนวล ผลรูปไข่ หรือรูปปลายข้างหนึ่งแหลมเล็กน้อย มีสีน้ำตาล ผลยังไม่สุกมียางสีขาว รสฝาด แข็ง เมื่อสุกจะนิ่ม หวาน ไม่มียาง

น้ำลำไยต้ม


ส่วนผสม
   ลำไยอบแห้ง  2  ถ้วยตวง
   น้ำตาล   2  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  3   ถ้วยตวง

วิธีทำ
          นำลำไยอบแห้ง ใส่หม้อต้มจนเดือด เติมน้ำตาล ต้มจนน้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ รอให้น้ำลำใยเย็น ดื่มกับน้ำแข็ง

น้ำลำไยปั่น

ส่วนผสม
   เนื้อลำไยสด  2  ถ้วยตวง
   น้ำเชื่อม   2  ถ้วยตวง
   น้ำต้มสุก  3   ถ้วยตวง

วิธีทำ
          ล้างลำไยให้สะอาด ปอกเปลือก แกะเอาแต่เนื้อเนื้อลำไย เติมน้ำเชื่อม  น้ำต้มสุก  ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ นำไปแช่เย็นหรือดื่มกับน้ำแข็ง

ลำไย

          ลำไย ชื่อวิทยาศาสตร์: Dimocarpus longan(มักเขียนผิดเป็น ลำใย) มีชื่อเรียกพื้นบ้านว่า บ่าลำไย ชื่อภาษาอังกฤษว่าลองแกน (Longan) วงศ์ Sapindaceae เป็นพืชพื้นเมืองในพื้นที่ราบต่ำของลังกาอินเดียตอนใต้ บังกลาเทศ พม่าและจีนภาคใต้ เป็นพืชไม้ผลเขตร้อนและกึ่งร้อน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสีน้ำตาล ออกดอกเป็นช่อ สีขาวครีม ผลทรงกลมเป็นช่อ ผลดิบเปลือกสีน้ำตาลอมเขียว ผลสุกสีน้ำตาลล้วน เนื้อลำไยสีขาวหรือชมพูอ่อน เมล็ดสีดำเป็นมัน เนื้อล่อนเม็ด
          ลำไยเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งร้อนของเอเชีย ซึ่งอาจมีถิ่นกำเนิดในลังกาอินเดียพม่าหรือจีนแต่ที่พบหลักฐานที่ปรากฏในวรรณคดีของจีนในสมัยพระเจ้าเซ็งแทงของจีนเมื่อ 1,766 ปีก่อนคริสกาลและจากหนังสือRuYaของจีนเมื่อ 110 ปีก่อนคริสตกาลได้มีการกล่าวถึงลำไยไว้แล้ว และชาวยุโรปได้เดินทางไปยังประเทศจีนเมื่อปีพ.ศ. 1514 ก็เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับลำไยไว้ในปี