วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บีทรูท

          บีตรูต หรือชื่ออื่นเช่น ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง เป็นหัวพืชหรือรากที่สะสมอาหารที่อยู่ใต้ดิน เป็นพืชเมืองหนาวและเป็นผักเพื่อสุขภาพ มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด
          บีตรูตมีวิวัฒนาการมาจากป่า seabeet ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของชายฝั่งจากประเทศอินเดียไปยังประเทศอังกฤษ สองพันปีที่ผ่านมาก่อนที่จะถูกพัฒนาโดยเทคนิคการเพาะปลูกบีตรูตมีรากแครอทรูปและมีเพียงใบถูกกิน (รากเล็กๆ ที่ถูกนำมาใช้เพื่อการรักษาโรคโดยชาวกรีกโบราณและโรมัน) มีความหลากหลายของลักษณะรากกลมได้รับการพัฒนาในรอบศตวรรษที่สิบหกและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุโรปสองสามร้อยปีต่อมา ในปัจจุบันนี้ บีตรูตเป็นหัวพืชใต้ดินปลูกมากในแถบยุโรปและถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในแถบสแกนดิเนเวียุโรปตะวันออกและรัสเซีย
          ลักษณะทั่วไปของบีทรูท ราก หรือเรียกว่า หัวใต้ดิน เป็นทรงกลมป้อม มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-5 ซม. ใช้รากสะสมอาหาร และมีเนื้อด้านในอวบน้ำ สีแดงเลือดหมู สีม่วงแดง สีเหลือง ใบเป็น ใบเดี่ยวเรียงตัวสลับกัน รูปCordate(cordata) (หัวใจรี) มีก้านยาว -ดอกเป็น ดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อสีเขียวอ่อน ขนาดเล็ก ผลเป็น ผลขนาดเล็ก ถิ่นกำเนิด ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน และแถบยุโรป ในประเทศไทย สามารถปลูกได้ทางภาคเหนือ
          สามารถปลูกได้ตลอดปีในพื้นที่สูงกว่า 1,000 เมตร ควรเป็นดินร่วนปนทราย มีความเป็นกรด-ด่าง ประมาณ 5.5-7.0 มีการระบายน้ำกับอากาศที่ดี โดยอุณหภูมิของดินต่อการงอกเมล็ดประมาณ 20 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่อการเจริญเติบโตประมาณ 15-22 องศาเซลเซียส สามารถเก็บผลผลิตทั้งปีและมีมากในช่วงเดือนธันวาคม ถึง เดือนมีนาคม (จากวิกิพีเดีย)
          บีทรูท นอกจากกินเป็นผักสลัด หรือ ดองไว้ผัดกับเนื้อ ต้มหรือดองสามรสเป็นเครื่องเคียงสเต๊กหรือพาสต้า หรือกินกับเนย ทำซุป สีสันของบีทรูทยังใช้ตกแต่งอาหารให้มีสีสัน หรือใช้แทนสีผสมอาหาร ทำขนม หุงกับข้าว แต่ที่นิยมมากคือนำไปคั้นด้วยเครื่องแยกกาก ผสมกับผักผลไม้อื่น หรือเดี่ยวๆ เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ส่วนใบบีทรูทก็กินได้ เลือกเฉพาะใบอ่อน กินสดๆ มีวิตามินเอสูง
          บีทรูทเป็นผักเพื่อสุขภาพโดยแท้จริง ด้วยสารอาหารหลายชนิดที่มีอยู่ ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียม เหล็ก ทั้งให้วิตามินซีสูง วิตามินเอ บี 1 บี 2 และ สารสีแดงในหัวบีทรูท คือเบทานิน (betanin) เป็น กรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง ทั้งบีทรูทยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย บำรุงเลือด ทำให้การไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี บำรุงตับ ไต ถุงน้ำดี เป็นอาหารล้างพิษโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ติดสุราเรื้อรัง เป็นยาระบาย แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยการเจริญอาหารและแก้บิด แก้ปวดหัว ปวดฟัน ขับปัสสาวะ ลดอาการบวม
          ปัจจุบันพบว่าหัวบีทรูทถูกนำไปใช้เป็นโภชนาบำบัด ช่วยรักษาผู้ที่เป็นสิวชนิดมีหนองหรือสิวอักเสบ น้ำเหลืองเสีย วิธีคือเอาหัวสดของบีทรูท จำนวน 1 หัว ต้มกับน้ำพอประมาณจนเดือด ไม่ต้องเติมอะไรลงไป ดื่มขณะอุ่น หรือจะกินเนื้อด้วยก็ได้ ช่วยบำบัดอาการสิวอักเสบหรือน้ำเหลืองเสียได้ ไม่ต้องกินประจำแต่ต้องกินเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นว่าสิวอักเสบหรือน้ำเหลืองเสียค่อยๆ ดีขึ้นและหายได้

น้ําผลไม้ที่แนะนำ
- น้ำบีทรูท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น