
เมื่อกล้วยเจริญเติบโตเต็มที่ หัวจะสร้างใบสุดท้ายที่เรียกว่า "ใบธง" จากนั้นจะหยุดสร้างใบใหม่ และเริ่มสร้างช่อดอก (inflorescence)
ลำต้นที่มีช่อดอกอ่อนบรรจุอยู่ จะพัฒนาขึ้นภายในลำต้นเทียม และในที่สุดก็จะโผล่ออกที่ด้านบนของลำต้นเทียม แต่ละลำต้นเทียมจะสร้างช่อดอกเพียงช่อเดียว ซึ่งเรียกว่า "ปลี (banana heart)" (บางครั้งมีกรณีพิเศษ เช่นกล้วยในประเทศฟิลิปปินส์สร้างปลีขึ้นมาห้าหัว) ช่อดอกประกอบด้วยกลุ่มของช่อดอกย่อยเป็นกลุ่มๆ มีใบประดับสีม่วงแดงหรือที่เรียกว่า "กาบปลี" (บางครั้งอาจมีการเข้าใจผิดเรียกเป็นกลีบดอก) ระหว่างแถวของช่อดอกย่อย ช่อดอกย่อยของแต่ละช่อมีดอกเรียงซ้อนกันอยู่ 2 แถว ดอกตัวเมีย (สามารถเจริญเป็นผลได้) จะอยู่ในช่อดอกย่อยที่บริเวณโคนปลีใกล้กับใบ ดอกตัวผู้จะอยู่ที่ปลายปลี หรือส่วนที่เรียกว่า "หัวปลี" รังไข่จะอยู่ต่ำกว่าซึ่งทำให้กลีบดอกขนาดเล็กและส่วนอื่นๆ ของดอกจะอยู่บริเวณปลายรังไข่ หลังจากที่ให้ผลแล้วลำต้นเทียมจะตายลง แต่หน่อหรือตะเกียงจะพัฒนาขึ้นจากตา (bud) ที่ส่วนหัว ทำให้กล้วยเป็นพืชหลายปี หากเกิดขึ้นหลายๆ หน่อพร้อมกันจะเรียกว่า "การแตกกอ" ในการเพาะปลูก จะยอมให้กล้วยเจิญเติบโตเพียงหน่อเดียวเท่านั้นเพื่อให้ง่ายต่อการจัดจัดการพื้นที่ปลูก

ผลกล้วยได้รับการเรียกขานว่าเป็น "leathery berry (ลูกเบอร์รี่ที่คล้ายแผ่นหนัง)" เนื่องจากมีชั้นป้องกันภายนอกหรือเปลือก ที่มีสายบางๆ ตามยาว ซึ่งมันก็คือ มัดท่อลำเลียงโฟลเอ็ม อยู่ในระหว่างเปลือกและส่วนที่รับประทานได้ภายในผล เนื้อกล้วยมีเนื้อนิ่มและสีเหลือง มีรสหวาน เมล็ดกล้วยมีลักษณะกลมๆ เล็กๆ บางพันธุ์ก็อาจมีขนาดใหญ่ เปลือกหนาแข็งสีดำ สำหรับในสายพันธุ์ที่นิยมปลูกจะมีเมล็ดกล้วยขนาดเล็กมาก หรือเกือบจะไม่มีเลย เหลือเป็นเพียงแค่จุดสีดำๆ เล็กๆ ภายในเนื้อกล้วยเท่านั้น

น้ําผลไม้ที่แนะนำ
- น้ำกล้วยหอมปั่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น