
ตะไคร้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ศรีลังกา พม่า อินเดีย ไทย และในทวีปอเมริกาใต้
โดยทั่วไปแบ่งตะไคร้ออกได้เป็น 6 ชนิด ได้แก่
1.ตะไคร้กอ
2.ตะไคร้ต้น
3.ตะไคร้หางนาค
4.ตะไคร้น้ำ
5.ตะไคร้หางสิงห์
6.ตะไคร้หอม
ตะไคร้เป็นพืชในตระกูลหญ้า และเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ง่าย อาจมีทรงพุ่มสูงได้ถึง 1 เมตร
มีลำต้นที่แท้จริงอยู่ประมาณ 4-7 เซนติเมตร ลำของต้นจะถูกห่อหุ้มด้วยกาบใบโดยรอบ ใบยาวแคบเส้นใบขนานกับก้านใบ ใบของตะไคร้อุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งนิยมนำมาปลูกกันโดยทั่วไป
ตะไคร้สามาระปลูกได้ด้วยการปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคนประมาณหนึ่งคืบ แล้วนำมาปักชำไว้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็จะเกิดรากงอกออกมา แล้วนำไปลงแปลงดินที่เตรียมไว้ หรืออาจใช้วิธีเอาโคนปักลงไปที่ดินซึ่งเตรียมไว้เลย โดยให้ห่างกันประมาณหนึ่งศอก ถ้าหากปลูกในกระถางให้ใช้วิธีปักโคนลงในกระถาง กระถางละ 2-3 ต้น แล้วหมั่นรดน้ำให้ชุ่มทุกเช้าเย็น ตั้งไว้ให้โดนแดดตลอดวันจะทำให้โตได้ดี ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย และเป็นพืชที่ชอบน้ำ ชอบแดด ดูแลรดน้ำได้เสมอและโดนแดดได้ตลอดวัน เจริญได้ดีในดินแทบทุกชนิด เวลาจะใช้ก็ตัดที่บริเวณโคนสุดตรงส่วนรากเลย แล้วถอนออกมาทั้งต้น ต้องคอยตรวจดูเมื่อตะไคร้มีกอเจริญเติบโตได้เต็มที่แล้ว ต้องถอนทิ้งหรือแยกออกไปปลูกใหม่บ้างหรือเอาไปใช้บ้าง หรืนำมาหั่นเป็นฝอยๆ ตากลมไว้ให้แห้งสนิทแล้วแพ็คเก็บไว้ใช้ได้นานๆ เพื่อให้ต้นอ่อนโตขึ้นมาใหม่ ถ้าไม่แยกออกไปต้นจะเล็กและลีบลงเรื่อยๆ และบางที่ก็แคระแกร็น ต้นและกอก็จะโทรม ต้องล้างและปลูกใหม่ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นการแตกหน่อทำให้การปลูกและการขยายพันธ์ได้ง่าย

สรรพคุณ
1.ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ
2.หัว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
3.ราก ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย
4.ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ แต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย

- น้ำตะไคร้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น