วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มะม่วงหาวมะนาวโห่

          มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ คือ หนามแดง
          ย้อนอดีตไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ละครแนวจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง ‘นางสิบสอง’ และ ‘พระรถ-เมรี’ ที่ฉายให้ดูกันทางโทรทัศน์บ้านเรา นับเป็นละครยอดฮิตของผู้ชมทุกวัยตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงจนถึงปู่ย่าตายาย
          ละครเรื่องนี้สร้างจากตำนานพื้นบ้านเก่าแก่ ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง ‘รถเสนชาดก’ ซึ่งเป็นชาดก 1 ใน 50 เรื่องของปัญญาสชาดก หรือชาดกนอกนิบาต ที่แต่งเลียนแบบอรรถกถาชาดก เพื่อสอนศาสนา และเป็นชาดกเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีผู้นำไปเป็นต้นเค้าในการแต่งวรรณกรรมต่างๆ อีกมากมาย
          เรื่องนางสิบสอง และพระรถ-เมรี เป็นเรื่องราวของหญิงสาว 12 คนที่ถูกพ่อนำไปปล่อยในป่า เพราะคิดว่าเป็นกาลกิณีที่ทำให้ครอบครัวที่เคยเป็นเศรษฐีกลับยากจนลง นางทั้งสิบสองต้องเร่ร่อนไปจนกระทั่งไปถึงเมืองยักษ์ นางยักษ์จึงรับนางสิบสองเป็นน้อง ภายหลังนางสิบสองรู้ว่าพวกตนอยู่กับยักษ์ จึงหลบหนีไปเมืองกุตารนคร
และทั้งหมดได้เป็นมเหสีของพระเจ้ารถสิทธิ์
          เมื่อนางยักษ์รู้ข่าวก็โกรธแค้นมาก จึงตามมาและทำอุบายจนได้เป็นมเหสีเอกของพระเจ้ารถสิทธิ์ จากนั้นจึงหาทางกำจัดนางสิบสอง โดยแกล้งทำเป็นป่วย ต้องควักลูกตานางสิบสองออกมาจึงจะหาย พระเจ้ารถสิทธิ์จึงควักลูกตานางทั้งสิบสอง แล้วส่งไปขังไว้ในถ้ำในขณะที่ทุกคนตั้งครรภ์แล้ว ทั้งหมดอดอยากมากจึงกินเนื้อลูกของตัวเอง ยกเว้นน้องสุดท้อง ซึ่งไม่ได้กินลูกของตน และตั้งชื่อลูกว่า “รถเสน” หรือ “พระรถ”
          ต่อมาพระเจ้ารถสิทธิ์ก็รู้ว่าพระรถเป็นลูก ทำให้นางยักษ์ไม่พอใจ จึงคิดกำจัดพระรถ ด้วยการแสร้งทำเป็นป่วย ต้องกินผลไม้ในเมืองที่นางเมรีลูกสาวของตัวเองอยู่  จึงจะหาย จึงให้พระรถไปเอามา โดยฝากสารสั่งให้นางเมรีฆ่าพระรถ ว่าถึงเมืองเมื่อไรให้ฆ่าเมื่อนั้น แต่เผอิญพระรถได้ไปพบฤาษีกลางทาง ฤาษีจึงได้แปลงสารว่า ถึงเมื่อไรก็ให้แต่งงานเมื่อนั้น แล้วพระรถและนางเมรีก็ได้แต่งงานกัน
          สุดท้าย นางเมรีก็ตรอมใจตาย เพราะพระรถหนีกลับเมือง ส่วนนางยักษ์ผู้เป็นแม่เลี้ยง เห็นพระรถกลับมาอย่างปลอดภัยก็แค้นจนอกแตกตาย ฝ่ายพระรถเสนได้รักษาแม่และป้าหายจากตาบอด และได้ครองเมืองต่อมา

          จากข้อมูลส่วนหนึ่งระบุว่าผลไม้ดังกล่าวในเรื่องนี้ก็คือ ‘มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่’ หรือบางแห่งเรียกว่า ‘มะม่วงรู้หาว มะนาวรู้โห่’  ซึ่งเป็นพืชชนิดเดียวกันคือ ‘หนามแดง’  ในปัจจุบัน (แต่บางแห่งก็บอกว่าคือ ‘มะงั่วไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่’ ซึ่งเท่ากับเป็นพืชสองชนิด และมะงั่วก็มีลักษณะคล้ายมะนาวแต่ลูกใหญ่กว่า)
          ขณะที่ “หนามแดง” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carissa carandas Linn. อยู่ในวงศ์ Apocynaceae มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น มะนาวไม่รู้โห่ (ภาคกลาง), มะนาวโห่ (ภาคใต้), หนามขี้แฮด (เชียงใหม่), หนามแดง (กรุงเทพฯ) เป็นต้น
          เป็นไม้พุ่มยืนต้น สูงราว 2-5 เมตร ตามลำต้นและกิ่งก้านมียางสีขาว และมีหนามแหลมยาว ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่กลับ เรียงตรงข้าม ขอบใบเรียบ ผิวใบมัน เนื้อใบ เรียบ ดอกเล็กสีขาวออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง โคนดอกมีสีชมพูหรือแดงอ่อน และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี ส่วนผลเป็นผลเดี่ยวออกรวมกันเป็นช่อ ผลอ่อนจะมีสีชมพูอ่อนๆ และค่อยๆ เข้มขึ้นเป็นสีแดง กระทั่งสุกจึงกลายเป็นสีดำ
          สรรพคุณทางยาสมุนไพรของหนามแดงมีไม่น้อย อาทิเช่น
               ราก : แก้คัน ทำให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับพยาธิ บำรุงกระเพาะอาหาร ดับพิษร้อน แก้ไข้ รักษาบาดแผล
               แก่น : บำรุงไขมันในร่างกาย บำรุงธาตุ ทำให้ร่างกายแข็งแรง
               เนื้อไม้ : บำรุงไขมันในร่างกาย บำรุงธาตุ แก่อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง
               ใบ : แก้ท้องร่วง แก้ท้องเสีย แก้เจ็บคอ เจ็บในปาก แก้ปวดหู แก้ไข้
               ผล (มีรสเปรี้ยว คล้ายมะนาว)  : แก้ไอ แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ท้องเสีย แก้เจ็บคอ และช่วยขับเสมหะ

วิธีการปลูกมะนาวโห่ โดยใช้เมล็ด
           1. เตรียมกระถางสำหรับเพาะเมล็ด ใส่ดินผสมแกลบหรือกากมะพร้าวลงไป โดยเว้นช่องดินให้รากชอนไชได้ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
           2. โรยเมล็ดลงไป จากนั้นโรยดินกลบเมล็ดเพียงบาง ๆ แล้วรดน้ำอีกเล็กน้อย
           3. ตั้งกระถางรับแดดบ้าง แต่อย่าเพิ่งให้โดนแดดจัด จากนั้นประมาณ 10 วัน ต้นอ่อนก็จะเริ่มโต
           4. เมื่อต้นกล้าแข็งแรงขึ้น ค่อยทำการแยกปลูกเป็นต้นเดี่ยวต่อไป

น้ําผลไม้ที่แนะนำ
- น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่

 ข้อมูลจาก
- ผู้จัดการออนไลน์
 - กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น