วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กีวี

          กีวี หรือ กีวีฟรุต (Kiwifruit) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Actinidia chinensis เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง เรียกหมีโหวเถา ต่อมามีผู้นำไปปลูกที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2449 และได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ทำให้กีวีมีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดและประเทศนิวซีแลนด์ ยังได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกีวีตามชื่อของนกกีวีที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งเดิมมีชื่อว่า Chinese gooseberry โดย Jack Turner เป็นคนที่เริ่มเรียกว่า "kiwifruit" เมื่อราว พ.ศ. 2505 สำหรับประเทศไทยมีการนำเข้ามาปลูกเมื่อปี พ.ศ.2519 โดยปลูกมากที่จังหวัดเชียงใหม่ ดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง
          กีวีเป็นไม้เลื้อย กิ่งและใบมีขนปกคลุม สีน้ำตาลแดง ใบเดี่ยว ดอกแยกเพศและแยกต้นกัน ดอกสีขาว ผลลักษณะรีรูปไข่ มีขนเล็กๆปกคลุมทั่วผล เนื้อสีเขียว (บางสายพันธุ์มีเนื้อสีเหลือง) ชุ่มน้ำ มีรสเปรี้ยวอมหวาน เป็นผลไม้ที่เก็บไว้ได้นาน แต่มีความไวต่อเอทิลีน ถ้าเก็บกีวีดิบไว้ใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีน เช่น กล้วย แอปเปิล จะสุกเร็วมาก ถ้าเก็บอย่างเหมาะสม จะเก็บได้นานถึงสองสัปดาห์
          กีวี จัดเป็นผลไม้อันดับต้นๆ ของผลไม้ลดความอ้วน เพราะมีไฟเบอร์อยู่จำนวนมากซึ่งช่วยทำให้อิ่มเร็วและนาน สำหรับผู้ที่มักรับประทานอาหารระหว่างวันเป็นประจำ
          กีวี น้ำหนัก 60 กรัม ให้พลังงานเพียง 25 แคลอรี่เท่านั้น กีวีมีประโยชน์มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซี อี เค บี1 บี2 บี3 บี6 บี9 แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม สังกะสี และ แมงกานีส เป็นต้น โดยกีวีจัดเป็นผลไม้ที่ มีวิตามินสูงมาก เพราะการรับประทานกีวีเพียง 1 ลูก ประมาณ 100 กรัม ร่างกายจะได้รับวิตามินซีมากถึง ร้อยละ 155 ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน และนอกจากนี้ กีวียังมี โอเมก้า-3 อีกด้วย ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นอย่างมากสำหรับร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้
          วิธีกินกีวี ง่ายๆ ก็เพียงแค่นำผลมาตัดครึ่งแล้วใช้ช้อนตักเนื้อกีวีกินได้เลย หรือถ้าอยากทำให้สวยน่ารับประทานยิ่งขึ้นซึ่งเป็นอีกวิธีที่ง่ายเหมือนกัน ก็คือนำผลกีวีมาตัดหัวตัดท้ายออก แล้วใช้ช้อนคว้านเนื้อเป็นวงกลม เมื่อได้เนื้อมาก็นำมาสไลด์เป็นแผ่นๆ เป็นอันเสร็จ สำหรับวิธีดูว่ากีวีพร้อมที่จะรับ ประทานได้แล้วหรือยัง ก็คือผลของกีวีจะเริ่มนุ่ม ก็สามารถรับประทานได้เลย เมื่อซื้อมาแล้วก็อย่าลืมเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าหากว่าไม่อยากให้ผลกีวีที่สุกไม่สุกมากกว่าที่เป็นอยู่ก็แค่เก็บไว้ในตู้เย็นก็จะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1-2 สัปดาห์ เลยทีเดียว

น้ําผลไม้ที่แนะนำ
- น้ำกีวีปั่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น