อะโวคาโด หรือลูกเนย เป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเหมือนเนย อะโวคาโดเป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาแถบเม็กซิโก กัวเตมาลา และหมู่เกาะเวสอินดีส โดยมันเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้ผลรับประทานกันมานานในอเมริกาและยุโรป อะโวคาโดจัดเป็นพืชดอกในวงศ์ Lauraceae ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกับ อบเชย, กระวาน และ เบย์ลอเรล (bay laurel) ผลของ อาโวกาโด หรือ alligator pear (สาลี่จระเข้) มีรูปทรงคล้ายสาลี่ คือมีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือรูปกลม มิชชันนารีชาวสหรัฐนำมาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกที่ จังหวัดน่าน ต่อมาจึงมีหน่วยงานต่างๆ นำอะโวคาโดมาปลูกมากขึ้น
อะโวคาโดเป็นไม้ยืนต้น ต้นโตเต็มที่สูงถึง 18 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ ใบสีเขียวสด ดอกขนาดเล็ก สีเขียวอมเหลือง ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งผลกลมรี หรือทรงลูกแพร์ มีทั้งพันธุ์เปลือกหนา และเปลือกบาง เนื้อมีตั้งแต่เหลืองอ่อนจนถึงเหลืองเข้ม รสมัน เนื้อละเอียด ไม่มีกลิ่น มีเมล็ดเดียว มีรกหุ้มเมล็ด
อะโวคาโดแบ่งออกเป็น 3 พันธุ์ ดังนี้
1. พันธุ์กัวเตมาลา มีผลสีเขียว ขั้วผลขรุขระ เมล็ดเรียบเล็กค่อนข้างกลม เนื้อหนา ไขมันสูง ชอบอากาศหนาวเย็นปานกลาง
2. พันธุ์เวสต์อินเดียน ผลมีผิวเรียบเป็นมัน สีเขียวอมเหลือง เปลือกหนา เมล็ดอยู่ในโพรงเมล็ดอย่างหลวมๆ รสหวานอ่อน ไขมันน้อย ชอบอากาศร้อน
3. พันธุ์เม็กซิโก มีผลเล็กเรียบ เมื่อแก่สีม่วง เปลือกบางกว่าอีก 2 เผ่า เปลือกหุ้มเมล็ดบาง เมล็ดใหญ่อยู่ในโพรงเมล็ดอย่างหลวมๆ มีไขมันมากที่สุด ทนอากาศเย็นได้ดีที่สุด
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีการค้าขายและเพาะปลูกในภูมิอากาศเขตร้อนทั่วโลก (และบางส่วนในเขตอบอุ่น เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย) มีผลสีเขียวรูปร่างเหมือนลูกสาลี่และจะสุกหลังการเก็บเกี่ยว ต้นไม้สามารถถ่ายเรณูในต้นเดียวกันได้ และบางครั้งการขยายพันธุ์จะใช้การติดตาตอนกิ่งเพื่อที่จะสามารถควบคุมคุณภาพและปริมาณของผลได้
อะโวคาโดมีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น จึงถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดดิบต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 160 กิโลแคลอรี่ และประกอบไปด้วยแร่ธาตุ ดังนี้
• คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม • น้ำตาล 0.66 กรัม
• เส้นใย 6.7 กรัม • ไขมัน 14.66 กรัม
• โปรตีน 2 กรัม • น้ำ 73.23 กรัม
• เบต้าแคโนทีน 42 ไมโครกรัม 1% • ลูทีน และ ซีแซนทีน 271 ไมโครกรัม
• กรดไขมันอิ่มตัว 2.13 กรัม • ธาตุแคลเซียม 12 มิลลิกรัม 1%
• กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 9.8 กรัม • ธาตุเหล็ก 0.55 มิลลิกรัม 4%
• กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1.82 กรัม • ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม 8%
• วิตามินเอ 7 ไมโครกรัม 1% • ธาตุแมงกานีส 0.142 มิลลิกรัม 7%
• วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม 6% • ธาตุฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม 7%
• วิตามินบี2 0.13 มิลลิกรัม 11% • ธาตุโพแทสเซียม 485 มิลลิกรัม 10%
• วิตามินบี3 1.738 มิลลิกรัม 12% • ธาตุโซเดียม 7 มิลลิกรัม 0%
• วิตามินบี5 1.389 มิลลิกรัม 28% • ธาตุสังกะสี 0.64 มิลลิกรัม 7%
• วิตามินบี6 0.257 มิลลิกรัม 20% • ธาตุฟลูออไรด์
• วิตามินบี9 81 ไมโครกรัม 20%
• วิตามินซี 10 มิลลิกรัม 12%
• วิตามินอี 2.07 มิลลิกรัม 14%
• วิตามินเค 21 ไมโครกรัม 20%
วิธีกินอะโวคาโด ไม่นิยมรับประทานผลดิบเนื่องจากมีรสขม แต่นิยมรับประทานแบบสุก ด้วยการปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าใส่น้ำกะทิ หรือจะผ่าตามยาวแล้วเอาเมล็ดออกแล้วราดด้วยน้ำผึ้งแล้วรับประทานก็ได้
โทษของอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เนื่องจากะมีสารแทนนินในปริมาณมาก และมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่ผลสุก ในบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโดได้ โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานอะโวคาโดก็ได้ โดยอาการที่ปรากฏก็ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรือาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก
- http://th.wikipedia.org
- http://frynn.com
- http://www.rdi.ku.ac.th
น้ําผลไม้ที่แนะนำ
-
-
สล็อต pg joker นักพนันผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยรู้จักถึงความอุดมสมบูรณ์ pg slot เรื่องเกมพนันที่ครบวงจรเยอะที่สุดแม้คุณกำลังมองหาเกมพนันที่ท้าก็มีอัตราการชำระเงินรางวัลเหมาะสม
ตอบลบ